นรกเป็นอย่างไรทำกรรมอะไรจึงต้องไปนรก
นรก มีขุมใหญ่สำคัญๆ เรียกว่า มหานรกมีอยู่จำนวน 8 ขุม ตั้งอยู่ในบริเวณปังสุปถวี ตรงลงไปเบื้องล่างของโลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่ (ชมพูทวีป) มีลักษณะเหมือนอุโมงค์อยู่ใต้ดิน มหานรกขุมหนึ่งๆ มีนรกย่อยเป็นบริวาร (อุสสทนรก) 5 ชั้นล้อมรอบเป็นบริเวณเนื้อที่ทั้งขุมเล็กขุมใหญ่กว้างยาวอย่างละ 10,000 โยชน์ เป็นรูปสี่เหลี่ยม ขุมใหญ่แต่ละขุมมีระยะลึก
อบายภูมิ
นิรยภูมิ หรือ นรก
นิรยภูมิ หรือ โลกนรก หมายถึง ดินแดนที่ปราศจากความสุขสบาย สัตว์ที่ตกลงไปสู่นรก เพราะบาปกรรมชั่วที่ตนกระทำไว้เป็นอาจิณกรรม นรกเป็นปรโลกฝ่ายทุคติภูมิ ที่มีโทษแห่งการกระทำอกุศลหรือความชั่วที่หนักที่สุดในบรรดาอบายภูมิทั้งหลาย เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ล้วนๆ ปราศจากความสุขโดยสิ้นเชิง สัตว์ที่ไปเกิดอยู่ในโลกนรกนี้ไม่มีความสุขแม้แต่วินาทีเดียว
คำว่า นรก มาจากคำว่า นิรย ซึ่งมาจากคำว่า นิร รวมกับคำว่า อย
นิร เป็นคำปฏิเสธ แปลว่า ปราศจาก ไม่มี
อย แปลว่า ความสุข ความเจริญ กุศลกรรรม
นิรยภูมิ หรือ โลกนรก
นรก มีขุมใหญ่สำคัญๆ เรียกว่า มหานรกมีอยู่จำนวน 8 ขุม ตั้งอยู่ในบริเวณปังสุปถวี ตรงลงไปเบื้องล่างของโลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่ (ชมพูทวีป) มีลักษณะเหมือนอุโมงค์อยู่ใต้ดิน มหานรกขุมหนึ่งๆ มีนรกย่อยเป็นบริวาร 5 ชั้นล้อมรอบเป็นบริเวณเนื้อที่ทั้งขุมเล็กขุมใหญ่กว้างยาวอย่างละ 10,000 โยชน์ เป็นรูปสี่เหลี่ยม ขุมใหญ่แต่ละขุมมีระยะลึกห่างกันลงไปขุมละเท่าๆ กัน คือ 15,000 โยชน์ นิรยภูมิหรือนรกนี้ มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ไพศาลมาก แบ่งเป็นเขตใหญ่ๆ บ้าง เล็กๆ บ้าง เรียกว่า "ขุม" สัตว์นรกที่บังเกิดขึ้นในแต่ละขุม จะได้รับทุกขเวทนาแตกต่างกัน แล้วแต่อกุศลกรรมที่ตัวเคยกระทำไว้ นิรยภูมิมีที่ตั้งอยู่ใต้เขาตรีกูฏ มีทั้งหมด 8 ขุมใหญ่ เรียกว่า มหานรก และยังมีขุมบริวาร เรียกว่า อุสสทนรก อีก 128 ขุม มีนรกขุมย่อย เรียกว่า ยมโลก อีก 320 ขุม โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้คือ
ภาพที่ตั้งโลกนรก
1. มหานรก
มหานรก เป็นนรกขุมใหญ่ มี 8 ขุม อยู่ลึกไปตามลำดับจากขุมที่ 1 ซึ่งมีขนาดเล็กไปถึงขุมที่ 8 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด มหานรกมีความร้อนแรงมาก ไฟในมหานรกนั้นร้อนแรงกว่าในอุสสทนรกและยมโลกเป็นล้านๆ เท่า ไฟในยมโลกยังมีสีสันคล้ายกับไฟในเมืองมนุษย์ คือ พอมองออก แต่ไฟในมหานรกนั้นมีเปลวสีดำ ภพของมหานรกก็ใหญ่กว่า อายุของสัตว์นรกก็ยืนยาวกว่า หากเปรียบเทียบกันแล้ว อุสสทนรกกับยมโลกเป็นสถานที่ที่มนุษย์ไปรับผลกรรมที่เป็นเศษกรรมเท่านั้น แต่ในมหานรกนั้นคือ ส่วนเต็มๆ ของกรรมนั้นเอง
อดีตมนุษย์หรือสัตว์ที่ทำกรรมชั่วหนักๆ
ผู้ที่ตกไปอยู่ในมหานรก คืออดีตมนุษย์หรือสัตว์ที่ทำกรรมชั่วหนักๆ หรือทำกรรมชั่วอยู่เป็นประจำ เมื่อตายแล้ว กระแสบาปจะดึงดูดกายละเอียดลงไปเกิดในมหานรกทันที ไม่ได้มีใครมารับตัวเหมือนไปยมโลก สัตว์นรกในมหา นรกจะถูกลงทัณฑ์ที่แตกต่างหลากหลาย ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส มีนายนิรยบาลหรือนางนิรยบาล ซึ่งเป็นธาตุกายสิทธิ์ไม่มีชีวิตจิตใจ เกิดขึ้นด้วยอำนาจของบาปอกุศล ร่างกายใหญ่โตมโหฬารสูงใหญ่ปานภูเขา มีสีผิวดำมืดเหมือนกับถ่าน คอยลงทัณฑ์ทรมานสัตว์นรก โดยไม่มีเวลาหยุดพักแม้สักวินาทีเดียว จนสิ้นอายุขัยของสัตว์นรกนั้น กว่าจะพ้นจากมหานรกได้ ก็ยาวนานมาก ตั้งแต่ 1,620,000 ล้านปีมนุษย์ จนถึง 1 อันตรกัป เลยทีเดียว ใช้กรรมในมหานรกเสร็จแล้ว ต้องไปรับ ผลกรรมต่อที่อุสสทนรกขุมบริวารอีก
มหานรกคืออะไร
มหานรก แปลโดยพยัญชนะ หมายถึง นรกขุมใหญ่ เป็นนิรยภูมิที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และมีโทษหนักที่สุดตามลำดับขุมมหานรกอยู่ที่ไหน
ที่ตั้งของนรกไม่ได้อยู่ใต้ดินอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มหานรกนี้ ตั้งอยู่ใต้เขาพระสุเมรุ ที่มีเขาตรีกูฏรองรับอยู่ มหานรกจะตั้งอยู่ใต้เขาตรีกูฏอีกชั้นหนึ่ง ตั้งซ้อนเรียงกันเป็นชั้นๆ ลงไปในอากาศ จากขุมที่ 1 ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุด ไปถึงขุมที่ 8 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด มหานรกนี้มีทั้งหมด 8 ขุม ดังนี้
มหานรก ขุมที่ 1 ชื่อ สัญชีวมหานรก
มหานรก ขุมที่ 2 ชื่อ กาฬสุตตมหานรก
มหานรก ขุมที่ 3 ชื่อ สังฆาฏมหานรก
มหานรก ขุมที่ 4 ชื่อ โรรุวมหานรก
มหานรก ขุมที่ 5 ชื่อ มหาโรรุวมหานรก
มหานรก ขุมที่ 6 ชื่อ ตาปนมหานรก
มหานรก ขุมที่ 7 ชื่อ มหาตาปนมหานรก
มหานรก ขุมที่ 8 ชื่อ อเวจีมหานรก
มหานรกจะมีลักษณะร้อนๆ ทึมๆ มืดๆ ไฟมหานรกเป็นสีดำมืด
มหานรก
บรรยากาศโดยทั่วไปในมหานรก จะมีลักษณะร้อนๆ ทึมๆ มืดๆ ไฟในมหานรกจะมีสีดำมืด และมีความร้อนแรงมากกว่าไฟในอุสสทนรกและยมโลก ยิ่งไฟในเมืองมนุษย์ไม่อาจเทียบกับไฟในมหานรกได้ ซึ่งมีความร้อนแรงกว่าหลายโกฏิเท่า การทัณฑ์ทรมานสัตว์นรก จะมีนายนิรยบาลหรือเจ้าหน้าที่ในมหานรก ที่เกิดด้วยอำนาจบาปกรรมของสัตว์นรกนั้น คอยลงทัณฑ์สัตว์นรกด้วยอาการต่างๆ อย่างไม่มีวันหยุดพักผ่อน
ทำกรรมอะไรที่นำไปเกิดในมหานรกขุมต่างๆ
ในนรกแต่ละขุมจะมีลักษณะของการกระทำที่แตกต่างกัน หากถามว่าอะไรเป็นเกณฑ์ในการกำหนดว่า เมื่อทำกรรมแบบนี้แล้วจะไปอยู่ในนรกขุมไหน คำตอบ คือ
เกิดในนรกขุมที่ 1 เพราะผิดศีลข้อ 1 เกิดจากกรรมฆ่าสัตว์ เป็นประจำ
เกิดในนรกขุมที่ 2 เพราะผิดศีลข้อ 2 เกิดจากกรรมลักขโมย เป็นประจำ
เกิดในนรกขุมที่ 3 เพราะผิดศีลข้อ 3 เกิดจากกรรมประพฤติผิดในบุตร ภรรยา สามีของผู้อื่น
เกิดในนรกขุมที่ 4 เพราะผิดศีลข้อ 4 เกิดจากกรรมพูดโกหก พูดคำหยาบ พูดส่อเสียดให้แตกกัน พูดเพ้อเจ้อไร้สาระ
เกิดในนรกขุมที่ 5 เพราะผิดศีลข้อ 5 เกิดจากการดื่มสุราเมรัย เสพสิ่งเสพติด เป็นประจำ
เกิดในนรกขุมที่ 6 เพราะมัวเมาในอบายมุข เล่นการพนัน เป็นประจำ
เกิดในนรกขุมที่ 7 เพราะผิดศีลทั้ง 5 ข้อ และเล่นการพนัน เป็นประจำ
เกิดในนรกขุมที่ 8 เพราะทำอนันตริยกรรม คือ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำสงฆ์ให้แตกกัน และทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต
ในความเป็นจริงแล้ว ในภพชาติหนึ่งๆ คนเราได้ทำกรรมมากมายหลายอย่าง ต่างกรรม ต่างวาระ ดังนั้นการพิจารณาว่าใครจะไปบังเกิดในมหานรกขุมใดนั้น จะดูที่การกระทำชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นหลัก หรือเป็นอาจิณ เช่น คนที่จะเกิดในมหานรกขุม 5 ตอนเป็นมนุษย์จะต้องทำกรรมดื่มสุรา ยาเสพติด เป็นประจำ ในขณะเดียวกัน เขายังทำผิดศีลข้ออื่นด้วย สมมติว่า โดนทรมานด้วยโทษของกรรมสุรา 1 พุทธันดร เมื่อกรรมสุราเบาบาง จะถูกทรมานด้วยกรรมอื่นๆ ต่ออีก เช่น ดื่มสุรา แล้วฆ่าสัตว์ ก็จะถูกกรอกน้ำกรด เพราะกรรมสุรา เมื่อกรรมสุราเบาบางแล้วจึงไปโดนนายนิรยบาลสับเป็นชิ้นจนตาย เพราะกรรมฆ่าสัตว์ เป็นต้น สถานที่ทรมานในช่วงที่กรรมอย่างอื่นเข้ามาผสม ก็จะอยู่ภายในขุมเดียวกัน ออกไปจากศูนย์กลางของภพ หรือไม่ก็ไปเกิดในนรกขุมอื่นเลย ซึ่งไม่แน่นอน แล้วแต่กรรมของสัตว์นรกที่ทำว่า หนัก เบา ต่างกรรม ต่างวาระกัน ซึ่งจะถูกสะสมเก็บไว้ในใจ เป็นผังสำเร็จ ถูกตั้งโปรแกรมให้เป็นไปตามอำนาจกรรมของตน
ความทุกข์ในมหานรกเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากสัมผัส
ความทุกข์ในมหานรก
ความทุกข์เป็นของสากลที่ทุกคนต้องประสบ เพราะเรายังไม่หมดกิเลส แต่ถ้าหากเป็นความทุกข์ในมหานรกแล้ว เชื่อมั่นได้เลยว่า ไม่มีใครอยากสัมผัส เพราะที่ตรงนั้นจะไม่มีเวลาว่างเว้นจากการทัณฑ์ทรมานเลย เมื่อไปเกิดเป็นสัตวนรก วินาทีแรกที่ไปเกิดในมหานรก เหล่านายนิรยบาลที่เกิดด้วยอำนาจกรรมจะปรากฏกาย แล้วทำการลงโทษสัตว์นรกทันที โดยไม่มีการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เป็นสิ่งที่น่าขนพองสยองเกล้าเป็นที่สุด ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเล่าให้กับเหล่าภิกษุฟังใน พาลบัณฑิตสูตร ว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้น ประพฤติทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ เมื่อเขาตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก สถานที่เหล่านี้ เป็นดินแดนที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ น่าพอใจอะไรเลย เป็นทุกข์โดยส่วนเดียว แม้จะเปรียบเทียบอุปมาถึงความทุกข์ในนรก ก็มิใช่สิ่งที่จะทำได้โดยง่าย"
พระภิกษุรูปหนึ่งจึงทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "พระองค์พอจะอุปมาความทุกข์ในนรก ให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทราบบ้างได้ไหม พระเจ้าข้า" พระพุทธองค์ทรงรับคำ แล้วอธิบายให้ฟังว่า
"เปรียบเสมือนพวกราชบุรุษจับโจรมาได้ โจรนี้คิดร้ายต่อราชบัลลังก์ พอจับได้แล้ว ตอนเช้าก็นำมาให้พระราชาพร้อมกับกราบทูลถึงพฤติกรรมของโจรนั้นว่า โจรผู้นี้ คิดร้าย ก่อกบฏ ขอพระองค์ได้ทรงลงโทษตามพระราชหฤทัยเถิด พระราชาทรงรับสั่งว่า ให้เอาหอก 100 เล่ม แทงโจรนี้ให้ทั่วตัว พวกราชบุรุษก็ทำตามบัญชา พอถึงกลางวันพระราชาตรัสถามว่า โจรกบฏคนนั้นน่ะ ตายแล้วหรือยัง เมื่อได้รับคำตอบว่ายัง ก็รับสั่งให้เอาหอกมาแทงเพิ่มอีก 100 เล่ม พวกราชบุรุษก็ทำตาม พอตกเย็นยังไม่ตายอีก จึงให้เอาหอกไปแทงเพิ่มอีก 100 เล่ม รวมเป็น 300 เล่ม โจรก็ยังไม่ตายอยู่ดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โจรโดนหอกแทงมากถึง 300 เล่ม จะเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน"
การเสวยวิบากกรรมในนรกนั้นทุกข์ทรมานเหลือเกิน
พวกภิกษุกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพียงแค่หอกเล่มเดียว ก็เป็นทุกข์มากแล้ว จะกล่าวไปไยกับหอกถึง 300 เล่ม" พระบรมศาสดาตรัสต่อว่า
"ความทุกข์จากการถูกหอกแทง 300 เล่ม เมื่อเทียบกับทุกข์ในมหานรกแล้ว เทียบกันไม่ได้เลย ทุกข์ในนรกเจ็บปวดทรมานมากกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า ความทุกข์ของคนที่ถูกหอก 300 เล่มแทง มีปริมาณความเจ็บปวดเหมือนก้อนหินเล็กๆ ก้อนหนึ่ง แต่ทุกข์ในมหานรกมีปริมาณมากเหมือนเขาพระสุเมรุทีเดียว"
จากพระดำรัสนี้ เราจะเห็นได้ว่าการเสวยวิบากกรรมในนรกนั้น เป็นทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพียงไร ทุกข์ในเมืองมนุษย์เทียบเท่าไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นอย่ากระทำการใดๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกทรมานในมหานรกนี้เลย
จากพระดำรัสนี้ เราจะเห็นได้ว่าการเสวยวิบากกรรมในนรกนั้น เป็นทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพียงไร ทุกข์ในเมืองมนุษย์เทียบเท่าไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นอย่ากระทำการใดๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกทรมานในมหานรกนี้เลย
ในตอนต่อไปจะนำเสนอรายละเอียดของมหานรกแต่ละขุมให้ทุกท่านได้ทราบ
รับชมวิดีโอสัญชีวนรก ตอนที่1