ความไม่พอใจในเพศ (ตอนที่ 2)
ในแง่ของการปฏิบัติธรรมนั้น เพศที่สามสามารถปฏิบัติให้บรรลุธรรมได้หรือไม่จะเหมือนหรือต่างจากชายจริงหญิงแท้อย่างไร?
คือโอกาสบรรลุธรรมนั้นมีได้ เหมือนอย่างกรณีที่เคยเล่าให้ฟัง สุดท้ายบวชแล้วก็ยังเป็นพระอรหันต์ได้ แต่นั่นคือตอนเป็นผู้หญิงก็หญิงแท้ ตอนเป็นผู้ชายก็เป็นชายแท้จริงๆ ไม่ต้องไปผ่าตัด ถ้าในกรณีที่คนมี 2 เพศในเพศเดียวกันที่เรียกว่า บัณเฑาะว์ นั้นพระพุทธเจ้าท่านห้ามบวช เพราะว่าต้องยอมรับว่าวิบากกรรมทางนี้มานี่จะทำให้ความคิดหมกมุ่นทางด้านเพศมันจะมากกว่าคนทั่วไป ทำให้มันเป็นเครื่องตัดรอนเหมือนกัน ยิ่งถ้าเกิดเป็น 2 เพศในเพศเดียวกันนี่ลำบากแน่ บวชเสร็จแล้วจะไปอยู่ยังไง เหมือนกับว่าเป็นผู้หญิงแล้วมาบวชเป็นพระแล้วให้มาอยู่ปนกับพระก็ไม่ได้ มันก็จะมีปัญหาท่านจึงห้ามไม่ให้บวช ถึงแม้ว่าสมมุติว่าเป็นผู้ชายนะแต่ว่าใจไปเป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะผ่าตัดแปลงเพศหรือไม่ก็ตามท่านก็ไม่ให้บวชพระถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ในพระวินัยท่านไม่ให้บวชนะ เพราะถือว่าเพศไม่ปกติ ก็ลองนึกภาพดูว่าถ้าบวชเสร็จแล้วแสดงอาการกระตุ้งกระติ้งขึ้นมา แล้วญาติโยมจะรู้สึกอย่างไร มันก็ไม่เหมาะกับสมณะสารรูป ไม่เจริญศรัทธา ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูลกับตัวเองและผู้อื่นด้วย ตัวเองพอทำให้คนอื่นเสื่อมศรัทธาตัวเองก็แบกบาปไปด้วยนะ บวชแล้วแทนที่จะบุญกลายเป็นว่าไปทำลายศรัทธาคนอื่นเขา สู้ว่าปฏิบัติให้เหมาะกับเพศภาวะตัวเองนั้นดีกว่า
เราคงเคยได้ยินข่าวว่า มีสามเณรแต่งตัวดูกระตุ้งกระติ้งตามสถานที่ต่างๆ ที่โพสท์ไปตามเว็บไซต์ต่างๆ นั้น คือจริงๆ แล้วในทางพระวินัยนั้นห้าม แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวของพระอุปัชฌาย์นั้นมีความเคร่งครัดแค่ไหน ถ้าเป็นพระพุทธเจ้านั้นพระองค์ห้าม แต่บางทีพระอุปัชฌาย์บางท่านก็อนุโลมให้บวชไป พอเป็นอย่างนี้เยอะๆ ถ้ามีเด็กที่ไม่เป็นมาบวชปั๊บแล้วพออยู่ด้วยกันมากๆ แล้วเป็นไปด้วยก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ อีกหน่อยใครก็ไม่กล้าให้ลูกมาบวชเณร มันจะเกิดผลเสียมากกว่า
สำหรับบางคนที่ก่อนบวชก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็น พอเข้ากลุ่มรวมตัวกันมากขึ้นก็ออกอาการ อย่างนี้พอจะมีวิธีการป้องกันหรือแก้ไขได้อย่างไร?